Published : October 31, 2013
"สิ่งที่เราเป็น ทำ และมี ในทุกพื้นที่ชีวิตเวลานี้ ไม่ว่าเราจะพอใจหรือไม่ คือผลลัพธ์ของสิ่งเล็กๆที่เราตัดสินใจเลือก ทำ หรือ ไม่ทำ อย่างสม่ำเสมอในอดีต" ประโยคนี้อธิบายได้ด้วยตัวของมันเอง สิ่งที่น่าสนใจคือ ดิฉันคิดว่าทุกคนรู้ แต่เพราะอะไร คน 95% บนโลกนี้ ในอดีตจึงเลือกทำสิ่งเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอ ที่ไม่ได้ส่งผลลัพธ์ในทางบวกกับชีวิตในปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้มีคำตอบค่ะ
หนังสือเล่มนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2548 แล้วก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ฉบับที่ดิฉันกำลังสรุปเนื้อหาอยู่นี้เป็นฉบับปรับปรุงครั้งที่ 5 ซึ่งจากการเข้าไปดูใน www.amazon.com หนังสือเล่มนี้มีผู้คนจากทั่วโลกเข้าไป review เพื่อ rate หนังสือเล่มนี้ 1,234 คน และได้คะแนนจาการ review 4.8 เต็ม 5 ซึ่งไม่ค่อยจะพบบ่อยนัก ดิฉันสั่งหนังสือเล่มนี้มาอ่านเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2556 แล้วก็อยากให้มีคนแปล แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีสำนักพิมพ์ไหน ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเลย ก็เลยเลือกมาสรุปให้เป็นเล่มแรกของเพจ ReadmoreLivemore อ่านเยอะ ชีวิตใหญ่ มีอะไรในหนังสือเล่มนี้บ้าง
Part One : The Slight Edge
Chapter 1 : The Slight Edge Philosophy
Chapter 2 : The Secret of Easy Things
Chapter 3 : Is time on Your Side?
Chapter 4 : You Have to Start with a Penny
Chapter 5 : The Quantum Leap Myth
Chapter 6 : The 7 Slight Edge Principles
Chapter 7 : Two Life Parts
Part Two : Mastering Your Life
Chapter 8 : Mastering the Slight Edge
Chapter 9 : Faces of the Slight Edge
Chapter 10 : Invest in Yourself
Chapter 11 : Turning Your Dreams into Reality
Chapter 12 : Living The Slight Edge
Chapter 13 : Where to Go from Here
ดิฉันขอสรุปเนื้อหาที่สำคัญของหนังสือเล่มนี้ดังต่อไปนี้
Part One
1. หนังสือเริ่มต้นด้วยนิทานเรื่องเศรษฐีซึงกำลังป่วยใกล้เสียชีวิต เขามีลูกชาย 2 คน เพื่อการจากไปอย่างสงบสุข เศรษฐีต้องการให้ลูกได้ของขวัญ 3 อย่าง โดยถามลูกดังนี้
ของขวัญชิ้นที่ 1 : ง่ายในการมอบให้ และ ไม่มีวันหมด (Easy to give and never runs out)
คำตอบของลูกชาย : ความรัก (Love)
ของขวัญชิ้นที่ 2 : ง่ายในการมอบให้ แต่ ไม่ได้ง่ายเสมอไปที่จะได้มา (Easy to give but not always easy to have)
คำตอบของลูกชาย : เงิน (Money)
ของขวัญชิ้นที่ 3 : ไม่สามารถให้ได้ แต่ ต้องเรียนรู้ที่จะได้มันมาเอง (Impossible to give but can only be gained)
คำตอบของลูกชาย : ????
เศรษฐีจึงตั้งใจจะให้ลูกชายทั้งสองได้เรียนรู้คำตอบผ่านโจทย์ชีวิตที่จะมอบให้ก่อนตาย โดยให้ลูกทั้งสองคนตัดสินใจว่า จะเลือกรับมรดกที่พ่อจะให้ครั้งเดียวเป็นจำนวน 35 ล้านบาท หรือ จะเลือกรับเงินวันละ 1 บาททุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน โดยที่แต่ละวันเศรษฐีจะเพิ่มเงินให้อีกเท่าตัวของจำนวนเงินที่สะสมไว้ได้ในวันนั้น ลูกชายคนโตเลือกทางเลือกแรก ในขณะที่ลูกชายคนเล็กเลือกทางเลือกที่สอง ก่อนตายเศรษฐีได้เฉลยให้ลูกทั้งสองได้ทราบถึงคำตอบของขวัญชิ้นที่ 3 ซึ่งก็คือ "ปัญญา" (Wisdom) ลูกชายคนเล็กเลือกด้วยปัญญา เพราะทราบถึงพลังทวีคูณว่าภายในหนึ่งเดือน เขาจะได้รับเงินมากกว่าหนึ่งพันล้านบาท ซึ่งเป็นที่มาของ Slight Edge Philosophy ที่จะกล่าวต่อไป
2. Slight Edge Philosophy :
The Longer you make positive choices every day, the more success will accumulate in front of you.
Doing things that are easy. Simple little disciplines that, done consistently over time, will add up to the very biggest accomplishment.
Jeff กล่าวว่า ในปัจจุบัน เราไปเข้าอบรมอะไรต่างๆมากมาย เรามีข้อมูล "How to" จากกูรูท่วมท้นเกินพอที่จะประสบความสำเร็จ และเราก็เชื่อใน Quantum Leap Myth กันซะเหลือเกิน ว่ามันมีวิธีที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนได้ในชั่วข้ามคืน เราอยู่ในโลกที่ทุกอย่างต้อง instant เดี๋ยวนี้เท่านั้น ถ้าเราลองออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ไปหนึ่งเดือนแล้วไม่ได้ผล เราก็จะเลิกทำมันแล้วไปหา How to อื่น ดังนั้นมันจึงทำให้เรามองไม่เห็น Slight Edge (รอยเหลื่อมเล็กๆ) ได้ง่ายเลย
Jeff บอกว่า สำหรับเขาแล้วนั้น "How to" ไม่ใช่ประเด็น แต่เป็น "ปรัชญา" เบื้องหลัง "How to" ของเราต่างหาก ที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่เราคาดหวัง (ดูรูปที่ 1) เพราะปรัชญาของคุณ จะสร้างทัศนคติ การกระทำ ผลลัพธ์ ซึ่งจะสร้างชีวิตของคุณ Jeff ไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา ความฉลาด ทักษะ พรสวรรค์ใดๆ เขาเชื่อว่าคนสำเร็จเข้าใจ The Slight Edge Philosophy
ปรัชญาที่ว่าคือ การกระทำเล็กๆในเชิงบวกต่อเป้าหมายชีวิตอย่างสม่ำเสมอทุกวันต่างหาก ที่นำชีวิตคุณไปสู่ความสำเร็จ แม้ในวันแรกๆที่คุณเลือกทำ มันจะไม่ได้สร้างผลลัพธ์อะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างมีนัยสำคัญใดๆเลย ในบางการกระทำอาจใช้เวลาเป็นสิบๆปี กว่าจะเห็นผลลัพธ์ แต่เพราะคุณเข้าใจปรัชญาของ Slight Edge คุณจึงไม่หวั่นไหวใดๆเลย เพราะคุณรู้ว่า มันกำลังทำงานของมันอยู่ตลอดเวลา นี่คือปรัชญา คือทัศนคติของคุณ เบื้องหลังการลงมือทำเพื่อความสำเร็จ
ยกตัวอย่าง เช่นการเลือกออกกำลังกายวันละ 15 นาที อาทิตย์ละ 3 วัน ไปตลอดชีวิต การเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพทุกวัน การอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จวันละ 10 หน้าทุกวัน การออมเงิน 10%ของรายได้เป็นประจำทุกเดือน เป็นต้น
3. Jeff ถามกลับว่า ถ้้ามันง่ายๆแบบนี้ (ซึ่งมันก็ง่ายจริงๆ อ่านหนังสือทุกวันๆละ 10 หน้า ไม่ยากนะ) แล้วทำไมจึงมีคนแค่ 5% บนโลกนี้ที่ประสบความสำเร็จ โอ้.....ตรงนี้โดนใจมากเลย ตั้งใจอ่านดีๆนะคะ Jeff บอกว่า "Every positive action that is easy to do, is also easy NOT TO DO" ขอเน้นตรง easy not to do ทุกๆการกระทำที่ส่งผลบวกต่อชีวิตที่ง่ายในการลงมือทำ มันก็ง่ายที่จะไม่ลงมือทำเช่นกัน เพราะอะไรมันถึงง่ายที่จะไม่ลงมือทำ ก็เพราะว่า ถ้าคุณไม่ทำมันในวันนี้หรือทำไม่สม่ำเสมอไปสักเดือน มันไม่ได้ฆ่าคุณตายในวันรุ่งขึ้น หรือในอีกหนึ่งเดือนถัดมา ลองนึกถึงคุณเลือกที่จะสูบบุหรี่สม่ำเสมอ ตอนที่คุณสูบวันแรก วันถัดมา หรือแม้ในอีกหกเดือนถัดมา มันก็ไม่ได้ทำให้ปอดคุณเป็นมะเร็ง ดังนั้นคุณจึงเลือกความสุขที่จะได้สูบมวนต่อไป มากกว่าที่คุณจะเลือกเลิกสูบบุหรี่ นอกจากนั้น การเลือกที่จะไม่ทำมันก่อให้เกิดความสุข ความสบาย มากกว่าที่จะเลือกทำมัน นั่นเป็นเพราะการเลือกทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ทำให้คุณต้องใช้พลังงานเพื่อที่จะออกมานอก Comfort zone สมองพยายามที่จะอนุรักษ์พลังงานไว้ ซึงนั่นก็คือทำอะไรที่คุ้นชิน คาดเดาได้ ทำแล้วสบายใจมากกว่า ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่ไม่มี Comfort zone ไม่ใช่คนที่มี Will Power มากกว่าคนอื่น (Jeff ไม่เชือเรื่อง Will Power แต่เชื่อ Won't Power) แต่มี Must do Power Awareness การตระหนักรู้ในสิ่งที่ต้องทำ มากกว่าคนอื่น Jeff บอกว่า คนสำเร็จมีปรัชญาและการตระหนักรู้เรื่อง Slight Edge อยู่เบื้องหลังทุกคน
4. รูปที่ 2 เป็นรูปที่สรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด แกนกลางคือเนื้อหาของรูปที่ 1 เส้นสองเส้นที่เริ่มต้นออกมาจากจุดเดียวกัน เส้นด้านบนใช้ชีวิตอยู่บนปรัชญา Slight Edge คือ เป็นกลุ่มคนที่มีการตระหนักรู้ มีวินัยในการลงมือทำเรื่องเล็กๆง่ายๆที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตในทางบวก และทำสม่ำเสมอเป็นระยะเวลายาวนาน (Easy to do, simple disciplines made consistently over time) ส่วนเส้นด้านล่างไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนปรัชญา Slight Edge คือลงมือทำเรื่องง่ายๆเล็กๆแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตในทางลบ และทำสม่ำเสมอเป็นระยะเวลายาวนานเช่นกัน คุณจะเห็นว่า ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาจกินเวลานานเป็นสิบๆปี เส้นสองเส้นนี้ไม่ได้มีความต่างให้เราสังเกตเห็นชีวิตตัวเองได้ชัด (ลองนึกถึงมุมแหลมที่ประมาณ 10 องศา กว่าจะเห็นความป้านออก แกน x ต้องยาวมากเลย) นี่คือสิ่งที่ Jeff เรียกว่า Is time on your side? คือคุณเห็นผลทวีคูณของเวลาในชีวิตคุณไหม ว่าถ้าคุณไม่ได้ลงมือทำสิ่งเล็กๆที่ส่งผลกระทบในทางบวกกับชีวิตคุณ against เวลาที่ล่วงเลยไป ในระยะท้ายๆของชีวิต คุณจะได้เห็น Slight Edge Effect ที่มหาศาลอย่างที่คุณไม่คาดคิดเลย
กลับมาที่รูปที่ 1 ปรัชญาก่อให้เกิดทัศนคติ Jeff บอกว่า มีทัศนคติอยู่ 2 แบบ (รูปที่ 2 - Slight Edge Life Path)
แบบที่ 1 คือ Value Driven ซึ่งพบในคนที่ใช้ชีวิตอยู่บนปรัชญา Slight Edge คนกลุ่มนี้ตั้งคำถามตัวเองว่า What can I do to help you?, I'll work harder, and then I expect you'll pay me more ฉันจะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือคุณได้บ้าง ฉันจะทำงานให้หนักขึ้นก่อนที่จะคาดหวังว่าคุณจะจ่ายค่าแรงฉันเพิ่ม ในขณะที่
แบบที่ 2 คือ Entitled ซึ่งพบในคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนปรัชญา Slight Edge เขาจะตั้งคำถามว่า What have you done for me lately?, Pay me more and then I may be work harder คุณทำอะไรให้ฉันบ้างเมื่อเร็วๆนี้ จ่ายค่าตัวฉันเพิ่มก่อนสิ แล้วฉันอาจจะทำงานให้หนักขึ้น
นอกจากนั้นแล้ว คนกลุ่ม Slight Edge จะเลือกที่จะมีความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง เมื่อมีเรื่องที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง เขาจะกลับมาดูที่ตัวเอง รับผิดชอบที่จะเปลียนแปลงสิ่งที่ต้องเปลี่ยน เริ่มมีวินัยกับสิ่งที่ต้องมี เขายอมรับการที่จะต้องอยู่กับความรู้สึกอึดอัด ไม่คุ้นชินในการที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะนานมากก็ได้ เพราะเขาเชื่อและตระหนักรู้ในปรัชญา Slight Edge ว่าสิ่งที่อึดอัดในช่วงแรก จะทำให้เขาสบายในภายหลัง ในขณะที่คนกลุ่ม Non Slight Edge เลือกที่จะโทษผู้อื่น โทษสถานการณ์ หรือเพิกเฉยต่อสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้ชีวิตตัวเองบรรลุเป้าหมาย เขาพอใจที่จะเลือกความสบายใจ อยู่ใน comfort zone ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะเขาไม่ตระหนักรู้ถึงพลังของ Slight Edge ว่ามันจะก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบมหาศาลอย่างไรต่อชีวิตเขา
เอาละค่ะ ดิฉันคิดว่าสรุปเนื้อหาสำคัญ Part One ของหนังสือเล่มนี้ไว้ได้แล้ว พรุ่งนี้จะมาต่อ Part Two นะคะ ขอให้ The Slight Edge Philosophy เริ่มต้นเข้าไปอยู่ในชีวิตคุณ ที่ด้านในด้านหนึ่งของชีวิต ลองเริ่มต้นทำสิ่งเล็กๆที่ง่ายๆ แต่ตัดสินใจที่จะทำมันอย่างสม่ำเสมอดูนะคะ
มีอะไรที่อยากจะเสนอแนะ เชิญได้เต็มที่เลยนะคะ ดิฉันตั้งใจอย่างสุดๆที่จะทำให้เพจนี้เป็นส่วนที่จะช่วยขยายชีวิตคุณให้ยิ่งใหญ่ในทุกมิติค่ะ
ด้วยความปรารถนาดี
ReadmoreLivemore
อ่านเยอะ ชีวิตใหญ่
![]() |
รูปที่ 1 |
![]() |
รูปที่ 2 |
ว้าว ดีมากเลยครับ อยากซื้อหนังสือมาอ่านเลย
ตอบลบ